วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Lesson 5


บันทึกอนุทิน

วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
(Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood)
อาจารย์ผู้สอน  อ.ตฤณ  แจ่มถิน
ประจำวันที่  17  กุมภาพันธ์  2559
เรียนครั้งที่ 5  เวลา 08:30-12:30 น.
กลุ่ม 102  ห้องเรียน  224





Knowledge ( ความรู้) 




เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities) 



  • เรียกย่อ ๆ ว่า L.D. (Learning Disability) 
  • เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง 
  • ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย 

สาเหตุของ LD
  • ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)
  • กรรมพันธุ์

1. ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
  • หนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
  • อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
  • ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
  1. จาน           อ่านเป็น              จาง / บา /จา
  2. ง่วง            อ่านเป็น              ม่วม / ม่ง / ง่ง
  3. เลย            อ่านเป็น              เล
  4. โบราณ      อ่านเป็น              โบรา
  5. หนังสือ      อ่านเป็น              สือ
  6. อรัญ          อ่านเป็น              อะรัย

ลักษณะของเด็ก LD ด้านการอ่าน
  • อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้
  • อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
  • เดาคำเวลาอ่าน
  • อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
  • อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
  • ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
  • ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
  • เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้

2. ด้านการเขียน (Writing Disorder)
  • เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น จาก ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
  • เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
  • เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ



ลักษณะของเด็ก LD ด้านการเขียน
  • ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
  • เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
  • เขียนพยัญชนะหรือตัวเลขสลับกัน  เช่น ม-น, ภ-ถ, ด-ค, พ-ผ, b-d, p-q, 6-9
  • เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้ แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆได้
  • เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
  • เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด
  • จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก
  • สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
  • เขียนหนังสือช้าเพราะกลัวสะกดผิด
  • เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
  • ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง

3. ด้านการคิดคำนวณ (Mathematic Disorder)
  • ตัวเลขผิดลำดับ
  • ไม่เข้าใจเรื่องการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
  • ไม่เข้าหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
  • แก้โจทย์ปัญหาเลขไม่ได้

ลักษณะของเด็ก LD ด้านการคำนวณ
  • ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสิบร้อยพันหมื่นเป็นเท่าใด
  • นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้
  • คำนวณบวกลบคูณหารโดยการนับนิ้ว
  • จำสูตรคูณไม่ได้
  • เขียนเลขกลับกันเช่น13เป็น31
  • ทดไม่เป็นหรือยืมไม่เป็น
  • ตีโจทย์เลขไม่ออก
  • คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
  • ไม่เข้าใจเรื่องเวลา
4. หลายๆ ด้านร่วมกัน


อาการที่มักเกิดร่วมกับ LD
  • แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
  • มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
  • เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
  • งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
  • การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี
  • สมาธิไม่ดี (เด็ก LD ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
  • เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
  • ทำงานช้า
  • การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
  • ฟังคำสั่งสับสน
  • คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
  • ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
  • ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
  • ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
  • ทำงานสับสนไม่เป็นขั้นตอน



ออทิสติก (Autistic) 



  • หรือ ออทิซึ่ม (Autism) 
  • เด็กที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 
  • ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น 
  • ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม 
  • เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
  • ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต

"ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว" 

  • ทักษะภาษา
  • ทักษะทางสังคม
  • ทักษะการเคลื่อนไหว 
  • ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่ 



ลักษณะของเด็กออทิสติก 
  • อยู่ในโลกของตนเอง
  • ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
  • ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน 
  • ไม่ยอมพูด
  • เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
  1. ดูหน้าแม่                                           - ไม่มองตา
  2. หันไปตามเสียง                                 - เหมือนหูหนวก
  3. เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม                          - เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด
  4. ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้         - ไม่สนใจคนรอบข้าง
  5. จำหน้าแม่ได้                                     - จำคนไม่ได้
  6. เปลี่ยนของเล่น                                 - นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
  7. เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย          - มีพฤติกรรมแปลกๆ
  8. สำรวจและเล่นตุ๊กตา                         - ดมหรือเลียตุ๊กตา
  9. ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ        - ไม่รู้จักความเจ็บปวด ชอบทำร้ายตนเองและผู้อื่น

เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติก องค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา

          ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างน้อย 2 ข้อ
  • ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
  • ไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
  • ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุก สนานร่วมกับผู้อื่น
  • ขาดทักษะการสื่อสารทางสังคมและทางอารมณ์กับบุคคลอื่น
          ความผิดปกติด้านการสื่อสารอย่างน้อย 1 ข้อ
  • มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
  • ในรายที่สามารถพูดได้แล้วแต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  • พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
  • ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือเล่นลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ
           มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรมที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ
  • มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
  • มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำโดยไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
  • มีการเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำๆ
  • สนใจเพียงบางส่วนของวัตถุ

พฤติกรมการทำซ้ำ
  • นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
  • นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
  • วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
  • ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
          
          พบความผิดปกติอย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)
  • ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  • การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
  • การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ

Autistic Savant
  • กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (visual thinker) จะใช้การการคิดแบบอุปนัย (bottom up thinking) 
  • กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (music, math and memory thinker) จะใช้การคิดแบบนิรนัย (top down thinking)




 Skill (ทักษะ)

- ทักษะการคิดวิเคราะห์
- ทักษะการแก้ปัญหา
- ทักษะการตอบคำถาม


Application ( การประยุกต์ใช้ )

      นำความรู้ที่ได้รับไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนโดยต้องทำความเข้าใจถึงลักษณะเฉพาะของเด็กพิเศษ อาการเบื้องต้น การดูแล ให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองได้ และเราต้องมีจิตใจที่รักเด็กโดยแท้จริง มีความเมตตาปราณี ทำให้เด็กได้รับความรัก ความเมตตานั้นนั้น และต้องจัดกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยที่ดี ให้เด็กสามารถเรียนรู้ร่วมกับเด็กคนอื่นได้ สามารถช่วยเหลือตนเองและดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข


Technical Education ( เทคนิคการสอน )

- ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- ยกตัวอย่างประกอบการอธิบาย


Evaluation ( การประเมิน)

Self : ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา ร่วมตอบคำถามกับเพื่อนๆ

Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันทำกิจกรรม และตอบคำถาม

Teacher : อาจารย์สอนได้เข้าใจง่าย ยกตัวอย่างประกอบ และมีการให้ความรู้เพิ่มเติมจากเนื้อหาที่เรียน
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น